ประเภทของว่าว
|
|
![]() จาก หนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน ฯ เล่ม 37
|
ว่าวจุฬาว่าวจุฬาถือเป็นว่าวเอกลักษณ์ประจำชาติไทย มีรูปร่างเหมือนดาว ๕ แฉก หรือมะเฟืองผ่าฝาน สามารถบังคับให้ เคลื่อนไหวในท่าต่างๆ อย่างคล่องแคล่ว และสง่างาม กีฬาว่าวพนันถือว่าว่าวจุฬาเป็นว่าวตัวผู้ ใช้เล่นตัดสินแพ้-ชนะกับว่าวปักเป้า ซึ่งถือเป็น ว่าวตัวเมีย ว่าวจุฬามีอาวุธประจำตัวติดอยู่ตรงสายว่าว เรียกว่า จำปา ใช้สำหรับเกี่ยวเหนียง หาง และสายป่านของว่าวปักเป้า หากว่าวจุฬา เกี่ยวเหนียง หรือสายป่านว่าวปักเป้าได้ ๒ รอบ ว่าวปักเป้าจะผ่อนไม่ออก |
![]() จาก หนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน ฯ เล่ม 37
ว่าวปักเป้า แต่โครงไม้ไผ่ส่วนที่เป็นปีก จะแข็งกว่าปีกของว่าวอีลุ้มมาก จึงต้องมีหางยาวถ่วงที่ปลาย และมีอาวุธ เรียกว่า "เหนียง" ขณะลอยอยู่ในอากาศจะส่ายไปส่ายมา โฉบเฉี่ยวในท่าต่างๆ ได้อย่างฉับไวคล่องตัว เมื่อถึงฤดูแข่งขันว่าวพนัน หากพบเห็นว่าวจุฬามักเห็นว่าวปักเป้าลอยพัวพันอยู่ด้วยเสมอ |
|
ว่าวอีลุ้ม ว่าวอีลุ้มมีรูปแบบคล้ายว่าวปักเป้า และมีรูปทรงเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ที่ปลายปีก ๒ ข้างติดพู่กระดาษเพื่อช่วยการทรงตัวในอากาศ การเล่นว่าวอีลุ้มของทางภาคกลางได้พัฒนาเป็น การเล่นว่าวสายป่านคม ซึ่งได้รับแบบอย่างมาจากชาวอินเดีย โดยส่งว่าวอีลุ้มสายป่านคม ให้ลอยไปตัดว่าวของผู้อื่น ว่าวอีลุ้มสายป่านคมจึงกลายเป็นกีฬาว่าวอีกประเภทหนึ่ง ที่เล่นตัดสินแพ้-ชนะกัน |
ว่าวดุ๊ยดุ่ย ว่าวดุ๊ยดุ่ย หรือว่าวตุ๊ยตุ่ย มีรูปแบบคล้ายว่าวจุฬา แต่ต่างกันที่ว่าวดุ๊ยดุ่ยมีปีกขนาดเล็กแทนขากบ ของว่าวจุฬา และที่ส่วนหัวจะผูก ธนู หรือ สะนู หรือ อูด ทางภาคใต้เรียกว่า แอก ซึ่งทำจากไม้ไผ่ดัดโค้ง ผูกเชือกที่ปลายทั้ง ๒ ข้าง คล้ายคันธนู บนเส้นเชือกติดแผ่นหวายบางๆ หรือใบลาน ทำให้เกิดเสียงดัง ดุ๊ย ดุ่ย เมื่อลอยไปมาอยู่ในอากาศ ส่วนหางจะใช้ใบลานต่อกัน ๒ ข้าง ซึ่งทำให้การเคลื่อนตัวของว่าวเชื่องช้าและสง่างาม ในจังหวัดบุรีรัมย์มีว่าวลักษณะเหมือนว่าวดุ๊ยดุ่ย แต่เรียกว่า "ว่าวสองห้อง" ซึ่งนำมาใช้แข่งขันกัน ว่าวสองห้องพบมากในภาคอีสาน |
|
ว่าวงู |
ว่าวงู ว่าวงูเป็นว่าวรูปสัตว์ที่นิยมเล่นทั่วทุกภาคโครงว่าวทำง่ายๆ เป็นส่วนหัวและส่วนหา ส่วนหัวมีรูปทรงคล้ายสี่เหลี่ยมคางหมู แต่ด้านบนโค้งมนคล้ายหัวงูกำลังแผ่แม่เบี้ย หางทำจากกระดาษย่น ยาวเรียวคล้ายหางงู รูปทรงที่ดูแปลกตาและสีสันฉูดฉาด ทำให้สวยงามโดดเด่น ถ้าเขียนเกล็ดจะสวยงามมากขึ้น ว่าวงูเป็นว่าวแผงที่ขึ้นง่ายที่สุด เพราะมีหางที่ถ่วงให้ขึ้น แต่การเล่นว่าวงูหรือว่าวแผงอื่นๆ ต้องเล่นในสภาพลมกำลังดี หากลมแรงมาก ว่าวจะควงทุกตัว |
![]() จาก หนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน ฯ เล่ม 37 ว่าวหัวแตก |
|
|
![]() จาก หนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน ฯ เล่ม 37
ว่าวเต่า มีโครงว่าวรูปร่างเหมือนเต่า เมื่อติดกระดาษทับแล้ววาดเส้นระบายสี ดูคล้ายตัวเต่า เป็นว่าวที่สร้างสรรค์จินตนาการมาจากเต่าที่คนไทยมีความคุ้นเคย โดยเชื่อว่าเต่าเป็นสัตว์ที่มีอายุยืน และการปล่อยเต่าเป็นการสะเดาะเคราะห์ต่ออายุ ดังนั้น การชักว่าวรูปเต่า จึงเป็นเสมือนการต่ออายุ ให้ผู้เล่นว่าวด้วย ว่าวเต่าเปิดให้ลมเข้าทางโครงด้านบน ส่วนโครงด้านล่างเป็นทางลมออก ลมจึงดันว่าวให้ขึ้นไปได้ อีกรูปแบบหนึ่ง คือ ว่าวแผงที่เป็นว่าวเต่า แต่ใส่หางยาว ๒ ข้าง ผูกคอซุงให้เอียง หากตั้งว่าวให้เอียง ๖๐ องศา ว่าวจะขึ้นได้ดีมาก |
![]() จาก หนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน ฯ เล่ม 37
ใช้ใบไม้ เช่น ใบตองชาด หรือใบตองกุง เมื่อตากแห้งแล้วสามารถนำมาผูกคอซุง ด้านหน้า ๒ เส้น และใส่หางไว้สำหรับผูกเชือก ที่ปลายใบประมาณ ๓ ช่วง แล้วนำหญ้าแฝกหรือหญ้าคามาผูกเป็นหางว่าว เป็นของเล่นพื้นบ้าน นิยมเล่นกันในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรืออาจผูกโครงว่าว แล้วนำใบไม้มากรุ แทนกระดาษว่าว ก็สามารถทำได้ โดยมักผูกขึ้นเป็นรูปทรงเรขาคณิตง่ายๆ เช่น วงกลม สามเหลี่ยม ครึ่งวงกลม ฯลฯ และต้องมีหาง ว่าวใบไม้มักไม่ทนทาน มีอายุการใช้งานสั้น แต่มีความโดดเด่นแปลกตาด้วยลักษณะพิเศษ ของวัสดุที่ใช้ |
![]() จาก หนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน ฯ เล่ม 37
มีรูปทรงเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ส่วนปีกพับเข้าทั้ง ๒ ข้าง ความสวยงามอยู่ที่ขนาด การออกแบบลวดลาย และสีสันของตัวว่าว เป็นว่าวที่เด็กๆ นิยมเล่นกัน โดยใช้กระดาษสมุดนำมาพับ ปัจจุบัน ว่าวชนิดนี้ทำน้อยหรือไม่ค่อยพบเห็นแล้ว |
ว่าวคากตี่ ว่าวคากตี่เป็นว่าวที่ดัดแปลงพัฒนามาจากว่าวดุ๊ยดุ่ยและว่าวจุฬา โดยมีส่วนปีกบนคล้ายว่าวดุ๊ยดุ่ย มีพู่ห้อย ๒ ข้าง และปีกล่างทำมุมคล้ายขากบของว่าวจุฬา แต่แคบและเล็กกว่า |
![]() จาก หนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน ฯ เล่ม 37
มีรูปร่างคล้ายแมลงวัน เป็นว่าวประเภทตลกขบขัน ผู้ที่คิดทำว่าวตัวนี้ คือ นายเกิด สุขชิต บิดาบุญธรรมของนายปริญญา สุขชิต ขณะทำว่าว มีอายุ ๘๒ ปี ถือว่าเป็นผู้ทำว่าวที่มีอายุมากที่สุดในขณะนั้น เมื่อชักว่าวขึ้นไป ต้องกระตุกให้ว่าวขึ้นและตกหัวทิ่มพื้น ทำให้ขบขัน เรียกเสียงหัวเราะจากคนดูได้ ว่าวแมลงวันหัวเขียวได้รับรางวัลชนะเลิศ ในการแข่งขันว่าว ที่ท้องสนามหลวง และว่าวตัวนี้ได้นำไปแสดงที่ประเทศสิงคโปร์ |
![]() จาก หนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน ฯ เล่ม 37
มีรูปร่างคล้ายตัวปลา มีปีกยื่นออกมา ๒ ข้างคล้ายครีบ ดัดแปลงพัฒนามาจากว่าวอีลุ้ม แต่ยื่นส่วนโครงไม้ไผ่โค้งออกมา ๒ ข้าง และเพิ่มส่วนหางปลาด้านล่าง ชาวไทยภาคใต้ ซึ่งคุ้นเคยกับชีวิตชาวทะเล ที่หาปลาเป็นอาหาร ได้นำเอารูปร่างของปลาที่พบเห็นทุกวันมาดัดแปลง ทำเป็นว่าว สำหรับใช้เล่นเพื่อความบันเทิง |
ว่าวปลาปีกแอ่น |
|
ว่าวปลา ว่าวปลามีรูปแบบคล้ายว่าวปลาปีกแอ่น ทำโครงว่าวแบบเดียวกัน แต่ส่วนปีกไม่มีไม้ยื่นออกมาทั้ง ๒ ข้าง เป็นแบบง่ายๆ คือ มีหัว ลำตัว และหาง ความสวยงามอยู่ที่เกล็ดปลา ซึ่งใช้กระดาษติดที่ตัวว่าว เขียนลวดลายเหมือนเกล็ดปลา แล้วระบายสีสันหลายสี บางตัวอาจแต้มจุดหรือลาย |
ว่าวปลาวาฬ ว่าวปลาวาฬมีรูปแบบคล้ายว่าวปลาปีกแอ่น แต่ไม่มีปีกยื่นออกมา ๒ ข้าง ส่วนหัวทำคล้ายรูปปากปลาวาฬ โดยทำเป็นว่าวหัวแตก ผ่าหัวปลาเป็น ๒ แฉก และมีไม้ไผ่วงกลมติดที่ปลายปาก เมื่อติดกระดาษว่าวแล้ววาดเป็นรูปร่างของปลาวาฬ ทำให้ดูเหมือนจริงมากขึ้น |
ว่าวควาย ว่าวควายเปรียบเหมือนว่าวดุ๊ยดุ่ยของภาคใต้ ตอนบนมีปีกโค้งเช่นเดียวกับว่าวดุ๊ยดุ่ย แต่ตอนล่างทำโครงรูปร่างเหมือนหัวควาย มีเขายาวโค้งรับกับปีกบน ส่วนหัวติดแอก เพื่อให้เกิดเสียงดังคล้ายเสียงร้องของควายขณะเมื่อว่าวถูกชักขึ้นสู่ท้องฟ้า ว่าวควายจัดได้ว่า เป็นเอกลักษณ์ของว่าวภาคใต้ประเภทหนึ่ง ที่ไม่เหมือนกับว่าว ของภาคอื่นๆ โดยเฉพาะจังหวัดสตูลซึ่งเริ่มทำว่าวควายเป็นแห่งแรก และนำมาใช้ในการแข่งขัน ประเภทมีเสียงดังกังวาน แต่ละปีมีว่าวควายเข้าร่วมแข่งขัน จำนวนถึง ๓๐๐ ตัว เป็นการแข่งขันชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และเป็นประเพณีที่มีมาจนถึงปัจจุบัน |
![]() จาก หนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน ฯ เล่ม 37
ภาคกลางมีรูปแบบเช่นเดียวกับว่าวอีแพรดภาคเหนือ ต่างกันที่ว่าวอีแพรดภาคกลาง นิยมติดพู่ที่ห้อยปีกทั้ง ๒ ข้าง ส่วนภาคเหนือ ไม่นิยมติดพู่ ชื่อของว่าวน่าจะมาจากเสียงของชายกระดาษที่ติดอยู่ที่ด้านข้าง (ซึ่งเหลือทิ้งไว้ไม่ตัดออก) เวลาปะทะกับลมจะเกิดเสียงดังแพรดๆ |
ว่าววงเดือน ว่าววงเดือนได้รับเอาแบบอย่างมาจากว่าวบุหลัน หรือว่าวพระจันทร์ของประเทศมาเลเซีย ปลายว่าวเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของศาสนาอิสลาม ว่าววงเดือนนิยมเล่นกันในหมู่ชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม ในจังหวัดภาคใต้ ที่อยู่ถัดจากจังหวัดสงขลาลงไป และเล่นเฉพาะในกลุ่มผู้ใหญ่ เพื่อความสมัครสมานสามัคคี |
ว่าวขึ้นสูง ลักษณะเหมือนว่าวควาย แต่ตัดบางส่วนออก นิยมใช้เพื่อการแข่งขัน ซึ่งแต่ละครั้ง มีว่าวเข้าร่วมประมาณ ๔๐๐ ตัว โดยแข่งรอบละ ๔ ตัว อุปกรณ์ในการตัดสินคือ อุปกรณ์วัดองศา แต่ละรอบจะนำว่าวจำนวน ๔ ตัวไปผูกไว้ แล้วให้ว่าวแต่ละตัว ดันลวดที่ผูกไว้ให้ขึ้นสูง ตามเวลาที่กำหนด โดยใช้ขันเจาะรูใส่ลงในโถแก้วที่มีน้ำ เมื่อขันจมถือว่าหมดเวลา ว่าวตัวใดขึ้นสูงที่สุดถือว่าผ่านเข้ารอบ และไปรอแข่งขัน ในรอบต่อๆ ไปกับว่าวที่คัดไว้แต่ละรอบ โดยแข่งไปจนกว่าจะเหลือว่าว ที่ได้เข้าแข่งขัน ในรอบสุดท้าย และมีว่าวที่ชนะเลิศอยู่เพียงตัวเดียว การแข่งขันว่าวขึ้นสูงนี้ จัดขึ้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะที่จังหวัดสตูลและสงขลา ซึ่งจัดขึ้น ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี โดยเป็นการแข่งขันชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี |
ว่าวนก โครงของว่าวนกในช่วงปีกตอนบนมีลักษณะรูปร่างคล้ายว่าวควาย ต่างกันตรงตอนล่าง ที่มีการออกแบบ ให้เป็นรูปหางนกแบบต่างๆ ส่วนหัวทำเป็นรูปหัวนก และมักติดแอก เพื่อให้เกิดเสียงดัง ความสวยงามของว่าวนกอยู่ที่การออกแบบลวดลายและสีสันของตัวนก ว่าวนกบางตัวออกแบบรูปร่างของปีกคล้ายปีกนกจริงมาก เมื่อว่าวขึ้นสู่ท้องฟ้า จึงมีลีลา คล้ายการโผบินของนก ตามธรรมชาติ |
ว่าวสกายแล็บ เป็นว่าวที่มีมิติ มีความกว้าง ยาว สูง และมีความหนาเหมือนของจริง จัดอยู่ในประเภท ความคิดสร้างสรรค์ เมื่อทำเสร็จสมบูรณ์จะใส่ควันสีตรงส่วนหาง ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษ ที่เหมือนกับของจริง ว่าวสกายแล็บจะขึ้นยาก เพราะเป็นว่าวทรงกลม แต่มีปีก จึงทำให้สามารถขึ้นได้ ว่าวสกายแล็บได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดชิงถ้วยพระราชทาน โดยผู้คิดทำว่าวนี้ คือ นายปริญญา สุขชิต |
ว่าวนกยูง ว่าวนกยูงมีรูปแบบคล้ายกับว่าวนกทั่วไปของภาคใต้ ความสวยงามโดดเด่นอยู่ที่ส่วนหาง ซึ่งออกแบบให้คล้ายกับหางนกยูงรำแพน รวมทั้งสีสันและลวดลายของว่าว ที่ใกล้เคียงกับนกยูงจริง จึงจัดเป็นว่าวประเภทสวยงามตัวหนึ่ง ในบริเวณท้องสนามหลวง ซึ่งประชาชนนิยมนำว่าวมาเล่น มีว่าวนกยูงจำหน่าย ซึ่งมีลวดลายอยู่ ๒ แบบ คือ เขียนลายทั้งตัวแบบหนึ่ง และสกรีนสีดำแล้วใส่สีตามช่องอีกแบบหนึ่ง ราคาจะแตกต่างกัน |
ว่าวปลาทอง ว่าวปลาทองเป็นว่าวประเภทสวยงาม มีทั้งชนิดว่าวแผง และว่าวภาพสามมิติ ได้รับแนวคิดนี้มาจากว่าวปลาทองของประเทศจีน ซึ่งชาวจีนนิยมเลี้ยงปลาทองไว้ดูเล่น จึงนำเอารูปแบบมาทำเป็นว่าว นิยมทำเพื่อใช้ประกวดด้านความสวยงาม มากกว่าใช้เล่น เพื่อให้เกิดความสนุกสนาน |
ว่าวสิงห์ เป็นว่าวที่มีมิติ ว่าวสิงห์ขึ้นรูปทรงยากมาก เพราะว่าวทั่วไปจะมีความสมดุลกันทั้ง ๒ ข้าง แต่สำหรับว่าวสิงห์ รูปทรงส่วนหัวจะหนักกว่าส่วนหาง เพราะเมื่อขึ้นโครงว่าว จะต้องใช้เหล็กประมาณ ๑ กิโลกรัม ถ่วงเอาไว้ที่ด้านท้ายของว่าว ว่าวจึงจะขึ้นได้ การผูกคอซุงจะต้องใช้เชือกผูกมากกว่า ๒๐ เส้น และให้ว่าวเอียง ๖๐ องศา เปิดด้านบน และด้านล่าง เพื่อให้ลมเข้า ว่าวสิงห์นอกจากสวยงามแล้ว ยังสามารถใช้ประโยชน์ ในการถ่ายทำโฆษณา โดยเฉพาะโฆษณาที่มีดนตรีไทยบรรเลงประกอบ |
ว่าวงูใหญ่ เป็นว่าวงูที่มีสถิติหางยาวที่สุดในโลก คือ ๑,๒๙๒ เมตร ส่วนหัวว่าวมีความกว้าง ๔.๕ เมตร ส่วนหางมีความกว้าง ๘,๐๐๒ ตารางฟุต โดยสถิติเดิมกว้าง ๖,๓๓๒ ตารางฟุต และปลายหางค่อยๆ เรียวสอบลงมา ว่าวงูใหญ่มีน้ำหนักรวม ๑๒๘ กิโลกรัม มีการนำว่าวงูใหญ่ไปทดลองชัก ๒ ครั้ง ที่สนามบินกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม และที่ท้องสนามหลวง โดยมีคนขึ้นไปกับว่าวด้วย ว่าวขึ้นได้สูงจากพื้นดินประมาณ ๑๕๐ เมตร โดยใช้เชือกที่มีความยาว ๔๐๐ เมตร |
ว่าวกาชาด ว่าวกาชาดมีลักษณะเหมือนตราสัญลักษณ์กาชาด จัดทำขึ้น ในโอกาสที่มีการจัดการแข่งขันว่าว เพื่อหารายได้บำรุงสภากาชาดไทย ใน พ.ศ. ๒๕๐๙ โดยนายปริญญา สุขชิต และได้รับรางวัลชนะเลิศประเภทความคิดสร้างสรรค์ ว่าวกาชาดสามารถทำเองได้ โดยใช้ไม้ ๘ อัน ซึ่งเหลาให้มีขนาดเท่าหลอดกาแฟ มาผูกเป็นโครง ให้เป็นรูปสัญลักษณ์กาชาด และใช้ไม้ ๑๒ อัน เป็นลูกตั้ง ขนาด ๔๐ เซนติเมตร จากนั้นติดกระดาษแล้วผูกสายซุงด้านบนเส้นเดียว ไม่ติดกระดาษ ทั้งด้านบน และด้านล่าง |
ว่าวผีเสื้อ ว่าวผีเสื้อเป็นว่าวรูปสัตว์ซึ่งรับรูปแบบมาจากว่าวของต่างประเทศ เช่นเดียวกับว่าวรูปสัตว์อื่นๆ ว่าวผีเสื้อทำขึ้นอย่างง่ายๆ มีลวดลาย และสีสันหลากหลายสวยงาม เป็นว่าวที่เด็กๆ ทุกภาคชอบเล่นเพื่อความบันเทิง |
ว่าวผีเสื้อ |
ว่าวแมลงปอ ว่าวแมลงปอเป็นว่าวภาพประเภทสวยงาม โดยเกิดจากความประทับใจสัตว์เล็กๆ ชนิดหนึ่งที่มีปีกบางเบา และลักษณะการร่อนบินที่นุ่มนวลเป็นธรรมชาติ เมื่อนำสิ่งเหล่านี้มาสร้างสรรค์ทำเป็นว่าว แล้วแต่งแต้มสีสันลงไป ทำให้ว่าวแมลงปอดูมีชีวิตชีวา และกลมกลืนกับท้องฟ้า |
ว่าวผีเสื้อ ว่าวผีเสื้อเป็นว่าวรูปสัตว์ซึ่งรับรูปแบบมาจากว่าวของต่างประเทศ เช่นเดียวกับว่าวรูปสัตว์อื่นๆ ว่าวผีเสื้อทำขึ้นอย่างง่ายๆ มีลวดลาย และสีสันหลากหลายสวยงาม เป็นว่าวที่เด็กๆ ทุกภาคชอบเล่นเพื่อความบันเทิง |
ว่าวกินรี ว่าวกินรีจัดเป็นว่าวประเภทสวยงามเช่นกัน แนวคิดในการออกแบบ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวในวรรณคดี นำมาทำเป็นว่าว นอกจากมีความสวยงามแล้ว ยังแฝงจุดมุ่งหมาย ให้ผู้พบเห็นได้ระลึกถึงเรื่องราว ในวรรณคดีไทย ซึ่งเป็นมรดกวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าด้วย |
![]() จาก หนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน ฯ เล่ม 37
มีรูปแบบทุกอย่างเหมือนว่าวจุฬาและว่าวปักเป้าทั่วไป เพียงแต่ย่อสัดส่วนลงมา จนมีขนาดเล็กจิ๋ว เก็บในกล่องไม้ขีดไฟ สามารถชักขึ้นสู่ท้องฟ้าได้เช่นเดียวกับว่าวขนาดใหญ่ แต่ผู้ชมอาจต้องใช้กล้องส่องทางไกลส่องดู ว่าวจุฬาจิ๋วและว่าวปักเป้าจิ๋วจัดเป็นว่าวของที่ระลึกที่ทำได้ยากและได้รับความนิยมสูง ผู้ที่คิดทำว่าวนี้คือ นายสังเวียน ปัทมดิลก (เป็นตาของนายปริญญา สุขชิต) ทำขึ้นใน พ.ศ. ๒๕๐๙ โดยทำว่าวจุฬาใส่ในกล่องไม้ขีดไฟ และทำว่าวจุฬาขนาด ๒ ศอก ส่งไปจำหน่ายต่างประเทศ ทำให้ นายปริญญา สุขชิต ได้รับความรู้และประสบการณ์มาจนกระทั่งทุกวันนี้ |
|
ว่าวหุ่นยนต์ ว่าวหุ่นยนต์เป็นว่าวภาพสามมิติ โครงว่าวทำเป็นรูปหุ่นยนต์เพื่อให้เข้ากับโลกปัจจุบัน ที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี จนสามารถประดิษฐ์หุ่นยนต์ขึ้นมาใช้งานแทนมนุษย์ได้ |
ว่าวรถตุ๊กตุ๊ก ว่าวรถตุ๊กตุ๊ก เป็นว่าวแผงที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภทความคิดสร้างสรรค์ ในการประกวดแข่งขันว่าว ซึ่งจัดโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ใน พ.ศ. ๒๕๒๖ ความสวยงามของภาพรถตุ๊กตุ๊กเป็นสิ่งสะท้อนเอกลักษณ์ยานพาหนะของไทยได้เป็นอย่างดี และเมื่อทำเป็นว่าวของที่ระลึก ก็ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ |
ว่าวรถถัง ว่าวรถถังเป็นว่าวภาพสามมิติ ผู้ที่คิดทำขึ้น ได้นำรูปแบบของรถถัง ที่คนทั่วไปคุ้นเคยกันดี มาทำเป็นว่าว ชักขึ้นสู่ท้องฟ้า สร้างความสนใจให้แก่ผู้พบเห็น ที่รถถังสามารถลอยอยู่บนท้องฟ้าได้ |
ว่าวนกเหยี่ยว ว่าวนกเหยี่ยวมีรูปร่างเหมือนนกเหยี่ยว คือ โครงร่างส่วนปีกมีขนาดใหญ่ และแผ่กว้าง เหมือนกับปีกนกเหยี่ยว เมื่อว่าวลอยบนท้องฟ้า จึงดูเหมือนนกเหยี่ยว ที่กำลังบินโฉบเฉี่ยวไปมามองหาเหยื่อ ว่าวนกเหยี่ยวร่อนกลางอากาศได้สง่างาม กว่าว่าวรูปนกอื่นๆ |
|
การทำว่าวแผงเป็นภาพตัวนกเหยี่ยวทำได้ยากมาก โดยเฉพาะการวาดภาพนกเหยี่ยวและระบายสีขนนกจะใช้เวลาถึง ๒ ชั่วโมง สำหรับไม้ไผ่ที่ใช้ทำโครงหลังของนกซึ่งต้องติดกระดาษจะใช้ไม้ไผ่ตง ว่าวนกเหยี่ยวมีจำหน่ายที่ท้องสนามหลวง |
ว่าวหัวโต ว่าวหัวโตมักนิยมทำเป็นว่าวสามมิติ เป็นรูปมนุษย์ผู้ชายหรือผู้หญิง แต่มีสัดส่วนที่เกินจริง โดยออกแบบให้ส่วนหัวมีขนาดใหญ่ผิดปกติ คล้ายกับภาพการ์ตูน เมื่อลอยอยู่บนท้องฟ้า ส่วนหัวจะดูโดดเด่นเป็นพิเศษ ทำให้เกิดความขบขัน เรียกเสียงหัวเราะได้ ทำนองเดียวกับขบวนแห่หัวโต ออกมาร่ายรำอยู่บนถนนในงานบวช ซึ่งอาจเป็นแรงบันดาลใจ ให้คิดทำว่าวหัวโตขึ้น |
ว่าวหัวผลุบโผล่ เป็นว่าวประเภทตลกขบขัน มีเอกลักษณ์พิเศษคือ ใช้ระบบลมเข้ามาเกี่ยวข้อง ลักษณะว่าวเป็นทรงกลม (แบบถังน้ำมัน) ผูกเป็นห่วงด้านใน ๒ ข้าง และตรึงด้วยไม้ไผ่สูง จากส่วนท้ายถึงปากถัง ห่วงจะเลื่อนขึ้นเลื่อนลง ศีรษะของตัวตลกเขียนลวดลายตรงคอ เวลาขึ้นว่าวจะไม่เห็นส่วนศีรษะ แต่เวลาผ่อนว่าว ลมจะดันศีรษะให้โผล่ขึ้นมา ทำให้เกิดความขบขัน เรียกเสียงหัวเราะได้ |
ว่าวผี แม้ผีจะมีภาพลักษณ์ดูน่ากลัว แต่คนไทยก็ชอบดูหนังผีตลกๆ รูปผีจึงเป็นสื่อที่แสดงอารมณ์ขัน ระคนความน่ากลัว ดังนั้น ช่างทำว่าวไทยจึงนำเอารูปแบบมาทำเป็นว่าว ส่วนรูปร่างหรือชนิดของผีนั้น ก็ทำขึ้นตามความนิยมในละครโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ในแต่ละยุคแต่ละสมัย เช่น ว่าวผีแม่นาคพระโขนง ว่าวผีภูตแม่น้ำโขง |
ว่าวหัวล้านชนกัน ว่าวหัวล้านชนกันได้รับแนวคิดมาจากการละเล่นชนิดหนึ่งของจังหวัดสุพรรณบุรี ที่เรียกว่า "หัวล้านชนกัน" โดยผู้เล่นทั้ง ๒ ฝ่ายจะอยู่ภายในขอบเขตวงกลมที่กำหนดให้ แล้วขวิด โขก หรือดันศีรษะกัน ผู้เล่นฝ่ายใดถูกดันออกนอกวงกลม ถือว่าแพ้ รูปแบบของว่าวหัวล้านชนกัน เป็นโครงว่าวทรงกระบอก เขียนเป็นตัวคน ๒ คน ยืนประจันหน้ากัน มีลูกกลมๆ ๒ ลูก อยู่ด้านบน เขียนเป็นรูปศีรษะคน ใช้หนังสติ๊กผูกตรงคอให้ยืดไปยืดมาได้ เมื่อกระตุกสายป่านว่าว ศีรษะจะโขกกัน ทำให้เกิดความสนุกสนาน ตลกขบขัน |
ว่าวลุงเชย ลุงเชยมักนำมาเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของชาวชนบทที่มีความจริงใจ แต่งกายเรียบง่าย อาจนุ่งเพียงผ้าขาวม้าผืนเดียว เป็นบุคคลสำคัญในการเปิดเรื่อง หรือเบิกโรงการแสดงต่างๆ เพื่อสร้างบรรยากาศความเป็นกันเอง ซึ่งคนไทยชอบมาก ว่าวลุงเชยจึงมักนำมาใช้เปิดการแข่งขัน เพื่อให้มีอารมณ์ขันและสนุกสนานตั้งแต่เริ่มการแข่งขัน การเล่นว่าวประเภทตลกขบขัน ต้องอาศัยฝีมือ ของผู้ชักด้วย โดยอาจชักให้ว่าวตกลงมาถึงพื้นดินบ้าง เพื่อให้ผู้ชมหัวเราะ เมื่อว่าวดิ่งลงมาจากท้องฟ้า และหัวปักดิน จึงจะได้รับรางวัล ว่าวประเภทนี้ ผู้เขียนนิยมทำเข้าแข่งขัน และได้รับรางวัลถ้วยพระราชทานมาโดยตลอด |